แนวข้อสอบ
พระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓
1. พระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ ให้ไว้ ณ วันใด
ก. 23 มีนาคม พ.ศ. 2543 ค. 7 เมษายน 2543
ข. 24 มีนาคม พ.ศ. 2543 ง. 8 เมษายน 2543
ตอบ ก.23 มีนาคม พ.ศ. 2543
2. พระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด
ก. 23 มีนาคม พ.ศ. 2543 ค. 7 เมษายน 2543
ข. 24 มีนาคม พ.ศ. 2543 ง. 8 เมษายน 2543
ตอบ ค. 7 เมษายน 2543
3. พระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ มีผลบังคับใช้เมื่อใด
ก. 23 มีนาคม พ.ศ. 2543 ค. 7 เมษายน 2543
ข. 24 มีนาคม พ.ศ. 2543 ง. 8 เมษายน 2543
ตอบ ง. 8 เมษายน 2543
4. "รัฐวิสาหกิจ" หมายความว่า
ก. องค์การของรัฐบาลตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาล
ข. หน่วยงานธุรกิจที่รัฐเป็นเจ้าของ
ค. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่กระทรวง ทบวง กรม หรือทบวงการเมืองที่มีฐานะเทียบเท่ามีทุนรวมอยู่ด้วยเกินร้อยละ 50
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
5. ใครคือผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
ค. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ตอบ ข.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
6. พระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ มีกี่หมวด กี่มาตรา
ก. 5 หมวด 79 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
ข. 6 หมวด 79 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
ค. 5 หมวด 97 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
ง. 6 หมวด 97 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
ตอบ ง. 6 หมวด 97 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
7. ใครคือประธานใน "คณะกรรมการแรงงาน รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์"
ก. รัฐมนตรี
ข. ปลัดกระทรวงแรงงานและ สวัสดิการสังคม
ค. อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
ง. เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ตอบ ก.รัฐมนตรี
8. "คณะกรรมการแรงงาน รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์" มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละกี่ปี
ก. 4 ปี ค. 3 ปี
ข. 5 ปี ง. 2 ปี
ตอบ ง. 2 ปี
9. การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่าเท่าใดของกรรมการทั้งหมด
ก. 1 ใน 4 ค. 1 ใน 3
ข. ไม่น้อยกว่า กึ่งหนึ่ง ง. 2 ใน 3
ตอบ ข.ไม่น้อยกว่า กึ่งหนึ่ง
10. "คณะกรรมการแรงงาน รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์" มีอำนาจหน้าที่อย่างไร
ก. กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้าง
ข. เสนอคณะรัฐมนตรีกำหนดขอบเขตสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินสำหรับ รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งที่รัฐวิสาหกิจนั้นอาจดำเนินการเองได้
ค. เสนอความเห็นและให้คำแนะนำแก่รัฐวิสาหกิจเกี่ยวกับการปฏิบัติตาม กฎหมาย
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
11. ข้อใดคือองค์ประกอบของคณะกรรมการกิจการสัมพันธ์
ก. ผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง ค. กรรมการ ของรัฐวิสาหกิจ
ข. ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
12. คณะกรรมการกิจการสัมพันธ์ มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละกี่ปี
ก. 2 ปี ค. 4 ปี
ข. 3 ปี ง. 5 ปี
ตอบ ก.2 ปี
13. ข้อใด ไม่ใช่ อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกิจการสัมพันธ์
ก. หาทางปรองดองและระงับข้อขัดแย้งในรัฐวิสาหกิจนั้น
ข. กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้าง
ค. พิจารณาให้ความเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจตลอดจนส่งเสริมและพัฒนาการแรงงานสัมพันธ์
ง. ปรึกษาหารือเพื่อพิจารณาปรับปรุงสภาพการจ้าง
ตอบ ข.กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้าง
14. ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างให้มีระยะเวลาใช้บังคับตามที่นายจ้างและสหภาพแรงงานได้ตกลงกัน แต่จะตกลงกันให้มีผลใช้บังคับเกินกว่ากี่ปีมิได้
ก. 1 ปี ค. 3 ปี
ข. 2 ปี ง. 5 ปี
ตอบ ค. 3 ปี
15. จากข้อ 14 ถ้ามิได้กำหนดระยะเวลาไว้ให้ถือว่าข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลใช้บังคับกี่ปีนับแต่วันที่นายจ้างและลูกจ้างได้ตกลงกัน
ก. 1 ปี ค. 3 ปี
ข. 2 ปี ง. 4 ปี
ตอบ ก.1 ปี
16. ที่ปรึกษาฝ่ายนายจ้างหรือสหภาพแรงงานต้องมีจำนวนฝ่ายละไม่เกินกี่คน
ก. 5 คน ค. 3 คน
ข. 4 คน ง. 2 คน
ตอบ ง. 2 คน
17. นายจ้างจะต้องประกาศข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างให้แก่ลูกจ้างทราบภายในกี่วันนับแต่วันที่ได้ตกลงกัน
ก. 5 คน ค. 3 คน
ข. 4 คน ง. 2 คน
ตอบ ค. 3 คน
18. นายจ้างต้องนำข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างไปจดทะเบียนต่อนายทะเบียนหรือผู้ซึ่งนายทะเบียนมอบหมายภายในกี่วันนับแต่วันที่ได้ตกลงกัน
ก. 10 วัน ค. 20 วัน
ข. 7 วัน ง. 15 วัน
ตอบ ง. 15 วัน
19. ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลผูกพันนายจ้างและลูกจ้างซึ่งเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน ถูกกล่าวไว้ในมาตราใดของพระราชบัญญัตินี้
ก. มาตรา 30 ค. มาตรา 25
ข. มาตรา 29 ง. มาตรา 22
ตอบ ข.มาตรา 29
20. ข้อพิพาทแรงงานเกิดขึ้นเมื่อใด
ก. ไม่มีการเจรจากันภายในกำหนด
ข. มีการเจรจากันแล้วแต่ตกลงกันไม่ได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด
ค. ถูกทั้ง ก และ ข
ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ค.ถูกทั้ง ก และ ข
21. ในกรณีที่ไม่มีการเจรจากันภายในกำหนดหรือมีการเจรจากันแล้วแต่ตกลงกันไม่ได้ไม่ว่าด้วยเหตุใดให้ฝ่ายยื่นข้อเรียกร้องแจ้งเป็นหนังสือให้พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานทราบภายในกี่ชั่วโมง
ก. 72 ชั่วโมง ค. 48 ชั่วโมง
ข. 24 ชั่วโมง ง. 96 ชั่วโมง
ตอบ ก. 72 ชั่วโมง
22. จากข้อ 20 พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานต้องดำเนินการประนอมข้อพิพาทภายในกำหนด กี่วัน นับแต่วันที่พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานได้รับหนังสือแจ้ง
ก. 10 วัน ค. 15 วัน
ข. 30 วัน ง. 45 วัน
ตอบ ก.10 วัน
23. ข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ฝ่ายที่แจ้งข้อเรียกร้องต้องนำข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ ส่งให้คณะกรรมการภายในกี่วัน
ก. 10 วัน ค. 15 วัน
ข. 30 วัน ง. 45 วัน
ตอบ ค. 15 วัน
24. ไม่ว่ากรณีใดห้ามมิให้นายจ้างปิดงานหรือลูกจ้างนัดหยุดงาน ถูกกล่าวไว้ในมาตราใดของพระราชบัญญัตินี้
ก. มาตรา 30 ค. มาตรา 32
ข. มาตรา 31 ง. มาตรา 33
ตอบ ง. มาตรา 33
25. ห้ามมิให้นายจ้างเลิกจ้าง หรือโยกย้ายหน้าที่การงานลูกจ้าง ผู้แทนลูกจ้าง กรรมการ หรืออนุกรรมการซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง เว้นแต่กรณีใด
ก. ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง
ข. จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
ค. ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกัน โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
26. มาตรา 35 ห้ามมิให้นายจ้างกระทำเช่นใด
ก. เลิกจ้างหรือกระทำการใด ๆ อันอาจเป็นผลให้ลูกจ้างไม่สามารถทนทำงานอยู่ต่อไปได้
ข. ขัดขวางในการที่ลูกจ้างเป็นสมาชิก หรือให้ลูกจ้างออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงาน สหพันธ์แรงงาน กรรมการกิจการสัมพันธ์
ค. เข้าแทรกแซงการดำเนินการของสหภาพแรงงาน หรือสหพันธ์แรงงานโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
27. รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งมีสหภาพแรงงานได้กี่สหภาพแรงงาน
ก. สหภาพแรงงานเดียว ค. 3 สหภาพแรงงาน
ข. 2 สหภาพแรงงาน ง. กี่สหภาพแรงงานก็ได้
ตอบ ก.สหภาพแรงงานเดียว
28. สหภาพแรงงานต้องมีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร
ก. พิจารณาช่วยเหลือสมาชิกตามคำร้องทุกข์
ข. ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกจ้างกับนายจ้าง และระหว่างลูกจ้างด้วยกัน
ค. แสวงหาและคุ้มครองผลประโยชน์เกี่ยวกับสภาพการจ้างของลูกจ้าง
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
29. บุคคลใด ไม่มีสิทธิ รวมตัวกันจัดตั้งสหภาพแรงงานได้
ก. มีสัญชาติไทย
ข. บรรลุนิติภาวะแล้ว
ค. เป็นลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจเดียวกันที่มิใช่ฝ่ายบริหาร
ง. เป็นลูกจ้างฝ่ายบริหาร
ตอบ ง. เป็นลูกจ้างฝ่ายบริหาร
30. สหภาพแรงงานจะตั้งขึ้นได้ต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่าร้อยละเท่าใด ของลูกจ้างทั้งหมด
ก. ร้อยละ 10 ค. ร้อยละ 30
ข. ร้อยละ 25 ง. ร้อยละ 20
ตอบ ข.ร้อยละ 25
31. การขอจดทะเบียนสหภาพแรงงาน ให้ลูกจ้างมีสิทธิจัดตั้งสหภาพแรงงานจำนวนไม่น้อยกว่ากี่คน
ก. 15 คน ค. 20 คน
ข. 10 คน ง. 30 คน
ตอบ ข.10 คน
32. ลูกจ้างคนหนึ่งจะเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานได้กี่แห่ง
ก. 1 แห่ง ค. 3 แห่ง
ข. 2 แห่ง ง. กี่แห่งก็ได้
ตอบ ก.1 แห่ง
33. ผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งไม่รับจดทะเบียนต่อใคร
ก. รัฐมนตรี
ข. อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
ค. คณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
ง. ปลัดกระทรวงกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
ตอบ ก. รัฐมนตรี
34. จากข้อ 33 ต้องยื่นภายในกี่วัน
ก. 30 วัน ค. 15 วัน
ข. 45 วัน ง. 60 วัน
ตอบ ก.30 วัน
35. การประชุมใหญ่สามัญครั้งแรกผู้เริ่มก่อการจัดตั้งสหภาพแรงงานต้องจัดให้มีการประชุมภายในกี่วัน
ก. 30 วัน ค. 15 วัน
ข. 45 วัน ง. 60 วัน
ตอบ ก.30 วัน
36. สหภาพแรงงานมีหน้าที่อย่างไร
ก. ยื่นข้อเรียกร้องต่อฝ่ายนายจ้างเกี่ยวกับสภาพการจ้างแทนสมาชิก
ข. ตั้งผู้แทนเข้าร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการกิจการสัมพันธ์
ค. จัดให้มีการให้บริการเพื่อสวัสดิการของสมาชิก หรือจัดสรรเงินหรือทรัพย์สินเพื่อสาธารณประโยชน์
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
37. สหภาพแรงงานจะเลิกได้ด้วยเหตุใด
ก. ที่ประชุมใหญ่มีมติให้เลิก
ข. ล้มละลาย
ค. นายทะเบียนมีคำสั่งให้เลิก
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
38. นายทะเบียนมีคำสั่งให้เลิกสหภาพแรงงานได้ในกรณีใด
ก. การรับจดทะเบียนและออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนสหภาพแรงงานแก่ผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนนั้นไม่เป็นไปตามมาตรา 45 หรือมาตรา 46
ข. การดำเนินการของสหภาพแรงงานขัดต่อวัตถุประสงค์ ขัดต่อกฎหมายหรือเป็นภัยต่อเศรษฐกิจ หรือความมั่นคงของประเทศ หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
ค. เมื่อสหภาพแรงงานไม่ดำเนินกิจการติดต่อกันเป็นเวลาเกินสองปี
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
39. สหภาพแรงงานตั้งแต่จำนวนเท่าใด อาจรวมกันจัดตั้งสหพันธ์แรงงานได้
ก. 5 สหภาพแรงงานขึ้นไป ค. 15 สหภาพแรงงานขึ้นไป
ข. 10 สหภาพแรงงานขึ้นไป ง. 20 สหภาพแรงงานขึ้นไป
ตอบ ข. 10 สหภาพแรงงานขึ้นไป
40. ผู้ใดเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานโดยรู้อยู่ว่าสหภาพแรงงานนั้นยังไม่ได้จดทะเบียนต้องระวางโทษอย่างไร
ก. จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ข. จำคุกไม่เกินสองเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. จำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ตอบ ข.จำคุกไม่เกินสองเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
41. สหภาพแรงงานใดรับบุคคลเข้าเป็นสมาชิกโดยฝ่าฝืนมาตรา 51 ต้องระวางโทษอย่างไร
ก. ปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
ข. ปรับไม่เกินห้าพันบาท
ค. จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. จำคุกไม่เกินสองเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ตอบ ข. ปรับไม่เกินห้าพันบาท
42. ผู้ใดดำเนินการสหพันธ์แรงงานที่ยังไม่ได้จดทะเบียน ต้องระวางโทษอย่างไร
ก. จำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข. จำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. จำคุกไม่เกินสองเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. จำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ตอบ ก.จำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
43. ผู้ใดใช้คำว่า "สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ" หรือ "สหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ"โดยมิได้เป็นสหภาพแรงงานหรือสหพันธ์แรงงาน ต้องระวางโทษปรับไม่เกินกี่บาท
ก. ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทและปรับอีกเป็นรายวันไม่เกินวันละห้าร้อยบาท
ข. ปรับไม่เกินหนึ่งบาทและปรับอีกเป็นรายวันไม่เกินวันละหนึ่งพันบาท
ค. ปรับไม่เกินสองหมื่นบาทและปรับอีกเป็นรายวันไม่เกินวันละห้าร้อยบาท
ง. ปรับไม่เกินสองหมื่นบาทและปรับอีกเป็นรายวันไม่เกินวันละหนึ่งพันบาท
ตอบ ค. ปรับไม่เกินสองหมื่นบาทและปรับอีกเป็นรายวันไม่เกินวันละห้าร้อยบาท
44. สหพันธ์แรงงานใดรับบุคคลเข้าเป็นสมาชิกโดยฝ่าฝืนมาตรา 71 ประกอบด้วยมาตรา 51 ต้องระวางโทษอย่างไร
ก. ปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท ค. ปรับไม่เกินสี่พันบาท
ข. ปรับไม่เกินสามพันบาท ง.ปรับไม่เกินห้าพันบาท
ตอบ ง.ปรับไม่เกินห้าพันบาท
45. ผู้รับสนองพระบรมราชโองการในพระราชบัญญัตินี้คือใคร
ก. นายชวน หลีกภัย ข. พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ
ข. พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ง. บรรหาร ศิลปอาชา
ตอบ ก. นายชวน หลีกภัย